[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 

  

บทความสุขภาพ
เบาหวาน-ความดัน-หัวใจ ภัยหนาวกระตุ้นโรคกำเริบ

ศุกร์ ที่ 13 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2556

คะแนน vote : 93  

เบาหวาน-ความดัน-หัวใจ ภัยหนาวกระตุ้นโรคกำเริบ

สธ.ย้ำเตือนผู้ป่วยเบาหวานความดันสูง-โรคหัวใจ ระวังภัยหนาวเย็น เสี่ยงโรคกำเริบ ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น อุณหภูมิที่ลดลง 1 องศาจะเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจเฉียบพลันร้อยละ 2

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระ ทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สภาพอากาศของประเทศไทยที่หนาวเย็นลง โดยเฉพาะในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือจะหนาวเย็นกว่าภาคอื่นๆ กลุ่มประชาชนที่น่าห่วงคือผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหอบหืด ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มีภูมิต้านทานต่ำอยู่แล้ว และมีแนวโน้มเสียชีวิตจากภัยหนาวสูงกว่ากลุ่มที่ไม่มีโรคประจำตัว สธ.ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านให้ความรู้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตัว และให้การติดตามดูแลสุขภาพเป็นกรณีพิเศษ

นพ.ณรงค์กล่าวว่า โดยปกติผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังต้องดูแลตนเองใน 3 เรื่องสำคัญคือ อาหาร การออกกำลังกาย และกินยาควบคุมอาการอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงฤดูหนาว ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวโดยเฉพาะ 3 โรคดังต่อไปนี้คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ซึ่งทั่วประเทศมีประมาณ 6 ล้านคน ต้องเพิ่มการดูแลตนเองเป็นพิเศษ เนื่องจากเมื่ออากาศหนาวเย็น ความชื้นในอากาศลดลง ผิวหนังจะแห้งและคัน เมื่อเกาจะทำให้ผิวหนังอักเสบง่าย โดยในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน เมื่ออากาศเย็นลง ระดับน้ำตาลสะสมในเลือดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ยังพบว่าอุณหภูมิที่ลดลงจะเพิ่มความเครียดต่อร่างกาย มีผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะเลือดมีความหนืดขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยอุณหภูมิที่ลดลง 1 องศาเซล เซียส จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจเฉียบพลัน (Heart attack) ได้ถึงร้อยละ 2

ทั้งนี้ ในการดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาว ขอให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังปฏิบัติตัวดังนี้ 1.ดูแล ร่างกายให้อบอุ่นโดยการสวมหมวกไหมพรม เสื้อคลุมกันหนาว ใส่ถุงมือ-ถุงเท้า และรองเท้าที่ใส่สบาย ควรทาผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์วันละหลายๆ ครั้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำและผิวแห้ง ในผู้สูงอายุและผู้ที่มีความเสี่ยงควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่มีคนแออัด การระบายอากาศไม่ดี 2.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่รสไม่จัด หลีกเลี่ยงขนมหวาน อาหารไขมันสูง เลือกอาหารปรุงสุกแล้ว รวมทั้งธัญพืช ผัก ผลไม้สดที่หวานน้อย เนื่องจากมีวิตามิน แร่ธาตุสูง ช่วยให้ผนังเซลล์แข็งแรงและเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราเพื่อแก้หนาว เพราะไม่สามารถช่วยได้ และจะทำให้เกิดการขาดน้ำอย่างรุนแรงอาจเสียชีวิตได้ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้โรคที่มีอยู่เดิมกำเริบขึ้นได้

3.ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ สามารถออกกำลังกายในที่ร่ม เช่น โยคะ เต้นแอโรบิก หรือในที่กลางแจ้งในช่วงที่ไม่มีแดดจัดและไม่มีลมพัดแรง สำหรับผู้สูงอายุควรออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว หรือยืดเหยียดร่างกาย 4.หมั่นตรวจเช็กค่าความดันโลหิต ระดับน้ำ ตาลในเลือด และควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม 5.รับประทานยาตามที่ แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด 6.พักผ่อนให้เพียงพอ โดยสวมใส่ชุดนอนที่อบอุ่นและห่มผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์           

เรื่องที่เกี่ยวข้อง: 



เข้าชม : 529


บทความสุขภาพ 5 อันดับล่าสุด

      ห่วงคนไทยเสริมสวย เครื่องมือช่วยปรับหน้า ไม่มีวิจัยชัดเจน 14 / ม.ค. / 2557
      ราชบุรีเตือนโรคมือเท้าปากในเด็ก 14 / ม.ค. / 2557
      กรมการแพทย์แนะวิธีเลือก “ขนม” สำหรับเด็ก 14 / ม.ค. / 2557
      เสียงดัง กับ สุขภาพหู 8 / ม.ค. / 2557
      หน้าหนาว เลี่ยงสถานที่แออัดเสี่ยงต่อโรค 28 / ธ.ค. / 2556


 
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอองครักษ์
ถนนหน้าอำเภอ ตำบลองครักษ์  อำเภอองครักษ์  จังหวัดนครนายก โทรศัพท์ 0-3739-1895  โทรสาร 0-3739-1878  

ksnongkharak_ny@hotmail.com
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.04    Webmaster