[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 

  

บทความสุขภาพ
• 13 นิสัย (เสีย ๆ) ที่ทำให้ปวดหลังไม่เลิกรา

พฤหัสบดี ที่ 19 เดือน กันยายน พ.ศ.2556

คะแนน vote : 85  

• 13 นิสัย (เสีย ๆ) ที่ทำให้ปวดหลังไม่เลิกรา


 

โรคปวดหลังที่เราคิดว่ามันธรรมด๊า-ธรรมดานี่แหละ อาจพัฒนาไปถึงขั้นที่ทำให้เราต้องเข้าโรงพยาบาล แถมยังเลยเถิดถึงขั้นผ่าตัดก็มี!.....

         นักแสดงสาว Yvonne Yung Hung มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงอันมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ ขณะซ้อมเต้นรำเมื่อครั้งยังเยาว์วัยจนถึงขั้นต้องหยุดการแสดงไปอย่างน่าเสียดาย

          ส่วนนักร้องสาว ลิลี่ อัลเลน ก็เคยพลาดล้ม โดยเอาด้านหลังลงจนต้องขึ้นเวทีด้วยน้ำตา แม้เธอจะยืนกรานว่า The show must go on แต่น้ำตาที่รินไหลทำให้เธอต้องโกหกแฟน ๆ ไปว่าเธอตื้นตันใจกับการแสดงในครั้งนี้มาก

          เรื่องอาการปวดหลังนี้มีใช่เรื่องที่อยู่ห่างตัวเราเสียทีเดียว เพราะแค่นั่งผิดท่าหรือเกิดอุบัติเหตุหกล้มก็สามารถทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ ฉะนั้น เราลองมาเช็กสุขภาพกันหน่อยดีมั้ยว่านอกจากอุบัติเหตุแล้ว พฤติกรรมอะไรบ้างที่อาจผลักดันให้มีอาการปวดหลังเช่นเดียวกัน…

 1.ติดแหง็กอยู่กับโต๊ะทำงาน

          สาว ๆ ที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์อยู่ทั้งวี่ทั้งวัน แถมบางคนยังมีเดตไลน์มาจ่อคอหอยอยู่มิได้ขาด อย่างนี้อาการปวดหลังอาจเริ่มแสดงออกมา เพราะทั้งวันสาวเจ้าเล่นพิมพ์งานไม่ได้หยุดหย่อน ครั้นจะยืดเส้นยืดสายให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายก็กลัวจะเสียเวลา ทั้ง ๆ ที่พฤติกรรมแบบนี้นี่เองล่ะที่ทำให้เราทุกข์ทรมานกับอาการปวดหลังในระยะยาว

          ทำยังไงดี : พนักงานออฟฟิศทั้งหลาย รวมทั้งคนที่นั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ โปรดจัดท่านั่งเสียใหม่ โดยนั่งให้หลังตรง และนั่งในท่าที่แผ่นหลังด้านล่างแนบชิดกับเก้าอี้ เพื่อช่วยรองรับแผ่นหลังไม่ให้โค้งงอ นอกจากนั้น ลำตัวและศีรษะต้องตั้งตรงไม่โน้มเอียงมาข้างหน้า แต่ถ้าเวลาพูดโทรศัพท์หรือเมาท์กับเพื่อนร่วมงาน สามารถพิงหลังติดกับพนักได้ เพื่อความผ่อนคลาย

          อย่างไรก็ดี ควรจะหาเวลาพักสายตาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง โดยการเดินไปเข้าห้องน้ำหรือไปหยิบเอกสารยังเครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯ เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังได้ผ่อนคลาย เพราะท่านั่งจะเพิ่มแรงกดดันให้แผ่นหลังมากกว่าท่ายืนถึง 40% 

2.ขับรถผิดท่า

          ชีวิตคนเมืองหลวงบ่อยครั้งต้องขับรถนานถึง 2-3 ชั่วโมงกว่าจะถึงที่ทำงานหรือบ้าน ฉะนั้น ท่านั่งที่เอียงไปข้างหน้ามากเกินไปหรือเอนหลังมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้

          ทำยังไงดี : ควรพยายามนั่งหลังตรง ๆ 90 องศา และยืดแขนได้ตามสะดวก ไม่ใช่แขนหดเกร็ง เพราะพนักเก้าอี้อยู่ชิดพวงมาลัยมากเกินไป และถ้าเราทำท่านี้ได้เหมือนเป็นวิถีชีวิตประจำวัน รับรองว่าอาการปวดหลังจะไม่ถามหาอย่างแน่นอน

 3.ไม่ออกกำลังกาย

          บ่อยครั้งที่อาการปวดหลังทำให้เราไม่อยากเดินเหินไปไหนไกล ๆ ยิ่งต้องใช้พละกำลังอย่างการออกกำลังกายด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ไม่อยากทำ แต่ตามหลักของงานวิจัยแล้ว เชื่อหรือเปล่าว่าคนที่แอ็กทีฟอยู่ตลอดเวลาจะช่วยให้กล้ามเนื้อหลังผ่อนคลายมากถึง 40%

          ทำยังไงดี : การออกกำลังกาย โดยเฉพาะการเดินจะช่วยให้สะโพกและเอ็นร้อยหวายทำงานได้อย่างเต็มที่ ยิ่งออกกำลังกายมากเท่าไหร่ กล้ามเนื้อจะไม่หดเกร็ง จึงช่วยลดอัตราความเจ็บปวดจากแผ่นหลังได้มากขึ้นเท่านั้น

 4.ละเลยการเล่นโยคะ

          นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันได้ทดสอบกลุ่มคนไข้ 101 คนที่มีอาการปวดหลัง โดยแบ่งพวกเขาออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกให้เข้าคลาสเรียนโยคะทุก ๆ สัปดาห์ ต่อด้วยการกลับไปฝึกเองที่บ้าน ส่วนกลุ่มที่สองให้นักกายภาพบำบัดมาช่วยสอนเรื่องการออกกำลังกายเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แล้วให้กลับไปฝึกเองที่บ้าน และกลุ่มสุดท้ายให้แค่หนังสือที่ช่วยเหลือตัวเองในเรื่องอาการปวดหลัง ผลปรากฏว่ากลุ่มแรกหายปวดหลัง เพราะได้เล่นโยคะคลายกล้ามเนื้อ ฉะนั้น ใครที่มีอาการปวดหลังอยู่ลองหันมาเล่นโยคะดูก็ดีนะคะ

          ทำยังไงดี : ใครที่ออกกำลังกาย แต่เมินเฉยต่อการเล่นโยคะ โปรดรับรู้ไว้ว่ากีฬาประเภทนี้ เหมือนยาวิเศษที่ช่วยรักษาโรคปวดหลังได้ยังไงยังงั้นเลย ฉะนั้น ควรหาหนังสือหรือวิธีดี สอนโยคะ รวมทั้งเข้าคลาสเรียนโยคะอย่างจริงจัง ก็ดีเหมือนกันนะคะ

 5.บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องมากเกินไป

          ซึ่งท่ากายบริหารอย่างชิตอัพและครันช์ นอกจากจะไม่ช่วยให้แผ่นหลังแข็งแรงแล้ว ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังเจ็บปวดขึ้นมาได้ด้วย

          ทำยังไงดี : ถ้าจะชิตอัพหรือทำท่าครันช์ควรทำช้า ๆ และทำอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นหากกล้ามเนื้อหน้าท้องที่มีหน้าที่พยุงกล้ามเนื้อหลังเกิดอักเสบหรืออ่อนแอขึ้นมา จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังเจ็บปวดตามไปด้วย

 6.กินแต่ของไม่มีประโยชน์

          นักวิจัยชาวฟินแลนด์บอกว่าอาหารที่ดีและมีประโยชน์ จะช่วยให้หลอดเลือดลำเลียงสิ่งมีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย และช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ในทางกลับกันคนที่ชอบกินอาหารขยะ จะทำให้เส้นเลือดอุดตัน ยิ่งถ้าไปอุดตันบริเวณกระดูกสันหลังด้วยแล้วละก็จะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้

          ทำยังไงดี : หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ และหลีกหลี่ยงอาหารที่ผ่านการปรุงมาแล้วหลายขั้นตอน เช่น อาหารจำพวกแช่แข็ง และอาหารที่ใส่สารกันบูด แต่ควรหมั่นกินอาหารจำพวก ธัญพืช นมถั่วเหลือง ถั่ว และโปรตีน เช่น ไก่ ปลา เนื้อไม่ติดมัน ผักสด และผลไม้สด

 7.ถือกระเป๋าไซส์ใหญ่ยักษ์

          ในความกิ๊บเก๋นั้นพ่วงมากับภัยจากการทำร้ายกล้ามเนื้อไหล่ และลามไปสู่แผ่นหลัง โดยเราอาจไม่เคยเฉลียวใจแม้แต่น้อย

          ทำยังไงดี : แค่เปลี่ยนทรงกระเป๋าหรือใส่ของให้น้อยลงหน่อย ทางที่ดีถ้าแบ่งเป็นสองกระเป๋าได้ก็ยิ่งดีใหญ่

 8.ใช้ฟูกเก่ายับเยิน

          ถ้าฟูกบนเตียงมีอายุการใช้งานนานเกิน 10 ปี ก็ควรหาฟูกใหม่มาเปลี่ยนได้แล้วล่ะ ซึ่งฟูกที่ดีควรเป็นฟูกที่ไม่แข็งหรืออ่อนยวบจนเกินไป แต่ควรเลือกฟูกที่นอนแล้วทำให้หลับสบาย

          ทำยังไงดี : เมื่อได้ฟูกที่ไม่แข็งหรืออ่อนมากเกินไปแล้ว เวลานอนราบควรใช้หมอนหนุนใต้เข่า เพื่อให้แผ่นหลังแนบชิดกับตัวฟูก เพื่อป้องกันอาการปวดหลังที่จะเกิดขึ้นได้ ส่วนใครที่ชอบนอนตะแคงก็เอาหมอนข้างมาเสียบกลางหว่างขา เพื่อความสะดวกสบายในการนอนของคุณ

 9.ใส่ส้นสูงเดินทั้งวัน

          จะทำให้หลังโค้งงอและกระดูกสันหลังทำงานหนักมากขึ้น นอกจากนั้นการยืนบนส้นสูงแบบเขย่งเท้าอยู่ตลอดเวลา จะทำให้แผ่นหลังมีอาการปวดได้

          ทำยังไงดี : ควรหารองเท้าแตะมาเปลี่ยนเวลาอยู่ในที่ทำงาน รวมทั้งหาแผ่นรองเท้านุ่ม ๆ มาเสริมรองเท้าคัตชู หรือรองเท้ากีฬาเพื่อช่วยลดอาการปวดหลังที่มีอยู่ได้

 10.ฝืนคิดว่าตัวเองยังสบายดีอยู่ ทั้ง ๆ ที่มีอาการปวดหลังเหลือเกิน

          ทั้งนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโรสซาลินด์ แฟรงคลินระบุว่าคนที่ยอมรับความเจ็บปวดด้วยใจชื่นบาน มีแนวโน้มจะจัดการกับอาการปวดหลังได้ดีกว่าคนที่พร่ำบอกตัวเองว่ายังไหวอยู่

          ทำยังไงดี : พยายามคิดในแง่ดีว่าอาการปวดหลังที่เป็นอยู่นี้จะค่อย ๆ หายไปในที่สุด แม้ตอนนี้จะเจ็บปวดและไม่สบายเนื้อสบายตัวเป็นที่สุดก็ตาม

 11.เป็นคนประเภทแค้นฝังหุ่น

          ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเกร็ง เพราะความเครียดความทุกข์ และความชิงชังแล้ว แต่ยังทำให้กล้ามเนื้อหลังเจ็บปวดด้วย

          ทำยังไงดี : ก็แค่ให้อภัย เพราะการให้อภัยและปล่อยวางความแค้น จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจเบาสบาย รวมทั้งกล้ามเนื้อทั่วร่างกายผ่อนคลายตามไปด้วย

 12.เครียดมาราธอน

          ดูเหมือนวิถีชีวิตคนเราในปัจจุบัน จะพ่วงมากับความเครียดอยู่ตลอดเวลา ไหนจะรถติด มีประชุม งานกองสุมเป็นพะเนิน ทั้งหมดจะส่งผลให้กล้ามเนื้อตึงเครียดอยู่ตลอดโดยไม่เคยได้ผ่อนคลาย จึงทำให้ปวดหลังได้ง่าย ๆ

          ทำยังไงดี : ก็แค่หมั่นหัวเราะให้จิตใจเบาสบาย กล้ามเนื้อจะได้ผ่อนคลาย ส่วนคนที่มีเวลาหน่อยก็ไปออกกำลังกาย ไม่ก็หาหนังสือดี ๆ มาอ่าน ที่สำคัญควรหาเพลงสบาย ๆ มาฟัง เพราะการฟังเพลง จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และส่งผลให้อาการปวดหลังทุเลาลงไปได้

 13.ดูทีวีทั้งวี่ทั้งวัน

          บางคนอาจจะใช้เวลาจ้องหน้าจอได้ถึงครึ่งวันโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน และการทำอย่างนี้จะทำให้แผ่นหลังของเราโค้งงอ เพราะนั่งในท่าที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นเวลานาน ๆ

          ทำยังไงดี : ควรจำกัดเวลาในการดูทีวีของตัวเองแล้วหาเวลาออกกำลังกายและสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้านบ้าง

Did You Know

          56% ของชาวอเมริกันมีอาการปวดหลัง จนเรียกได้ว่ารบกวนวิถีชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องการนอนไม่หลับและมีเซ็กซ์ไม่สุขสม แล้วอาการปวดหลังยังเป็นหนึ่งในห้าสาเหตุที่ชาวอเมริกันป่วย จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล นอกจากนั้น อาการปวดหลังยังเป็นต้นเหตุให้ชาวอเมริกันต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน

ที่มา ::  LISA

 



เข้าชม : 383


บทความสุขภาพ 5 อันดับล่าสุด

      ห่วงคนไทยเสริมสวย เครื่องมือช่วยปรับหน้า ไม่มีวิจัยชัดเจน 14 / ม.ค. / 2557
      ราชบุรีเตือนโรคมือเท้าปากในเด็ก 14 / ม.ค. / 2557
      กรมการแพทย์แนะวิธีเลือก “ขนม” สำหรับเด็ก 14 / ม.ค. / 2557
      เสียงดัง กับ สุขภาพหู 8 / ม.ค. / 2557
      หน้าหนาว เลี่ยงสถานที่แออัดเสี่ยงต่อโรค 28 / ธ.ค. / 2556


 
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอองครักษ์
ถนนหน้าอำเภอ ตำบลองครักษ์  อำเภอองครักษ์  จังหวัดนครนายก โทรศัพท์ 0-3739-1895  โทรสาร 0-3739-1878  

ksnongkharak_ny@hotmail.com
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.04    Webmaster