ชนกลุ่มแรกที่เริ่มใช้แหวนแต่งงาน คือ ชาวอียิปต์ โดยปรากฏหลักฐานจากอักษรภาพที่แสดงความหมายของวงกลม ซึ่งหมายถึง ความเป็นนิรันดร์ และแหวนแต่งงานก็คือ ความหมายแห่งรักแท้ที่จะอมตะนิรันดรสืบไปตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย แหวนแต่งงาน บ้างก็ใช้แบบแหวนเกลี้ยงเรียบๆ เพื่อแสดงถึงความไม่สิ้นสุดแห่งความรักโดยบางครั้งอาจจะเป็นแหวนทองเรียบๆ หรือ แหวนทองคำผสมกับทองคำขาว
แหวน
คำว่านักมานุษยวิทยา เชื่อว่า ประเพณีการแลกแหวนแต่งงานครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อราว 2,800 ปีก่อนคริสตกาล เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า เส้นเลือดจากนิ้วนางข้างซ้ายเป็นเส้นเลือดที่แล่นตรงเข้าสู่หัวใจ จึงเลือกที่จะสวมแหวนบนนิ้วนี้โดยเฉพาะ และทุกวันนี้ แหวนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานทั่วโลก และเป็นสัญลักษณ์ของการแต่งงานไปเสียแล้ว
ส่วนแหวนที่มีเพชรประดับนั้น แหวนที่มีเพชรยอดเม็ดเดี่ยว เรียกว่า แหวน Solitaire ring และแหวนที่มีเพชรเรียงเป็นแถวเรียกว่า แหวน engagement ring มักนิยมใช้แหวน engagement ring เพื่อเป็นแหวนหมั้น และใช้แหวน Solitaire ring เป็นแหวนแต่งงาน โดยเวลาสวม จะสวมแหวนหมั้นก่อนแล้วใส่แหวนแต่งงานซ้อนเข้าไป โดยที่ทั้งสองวงจะประกบกันได้พอดี
สำหรับแหวนอีกประเภทหนึ่งคือแหวนครบรอบแต่งงาน Anniversary ring จะใช้แหวนประดับเพชร 3 เม็ด Trinity ring ซึ่งแทนความหมายถึง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมักจะกำหนดน้ำหนักของเพชรให้ทั้ง 3 เม็ด มีน้ำหนักรวมกันเท่ากับ 1 กะรัต พอดี
ที่มาของการเลือกให้นิ้วนางข้างซ้ายเป็นนิ้วสำหรับแหวนแต่งงาน เกิดขึ้นเพราะ คนเชื่อว่านิ้วนางข้างซ้ายนั้นเมีเส้นเลือดเชื่อมต่อตรงไปถึงหัวใจ ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างมือและหัวใจ จึงมีการตั้งชื่อเส้นเลือดดังกล่าวว่า vena amori อันเป็นภาษาละตินซึ่งมีหมายความว่า "เส้นเลือดแห่งความรัก" (vein of love) ตามความเชื่อดังกล่าว ผู้คนจึงนิยมให้สวมแหวนแต่งงานบนนิ้วนางข้างซ้าย และการสวมแหวนแต่งงานในนิ้วนางข้างซ้ายนี้เอง เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า คู่แต่งงานได้ประกาศมอบความรักนิรันดรให้แก่กันและกัน จนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้
ในสมัยกลางในยุโรป พิธีแต่งงานของชาวคริสต์จะมีการสวมแหวนแต่งงานเรียงกันมาตั้งแต่ นิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง ของมือข้างซ้าย เพื่อแสดงถึงหลักตรีเอกานุภาพของศาสนา อันได้แก่ พระบิดา พระบุตร และพระจิต ก่อนที่ในเวลาต่อมา คู่สมรสจะสวมเพียงนิ้วนางข้างซ้ายเพียงนิ้วเดียว
ในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ แหวนแต่งงานจะสวมบนนิ้วนางข้างซ้าย อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี และชิลี แหวนแต่งงานจะถูกใช้สวมบนนิ้วนางข้างขวาแทน ชาวคริสต์นิกายออทอดอกซ์ พวกยุโรปตะวันออกและ ชาวยิวมีธรรมเนียมการสวมแหวนแต่งงานข้างขวาเช่นกัน ขณะในเนเธอร์แลนด์ และกลุ่มชาวคริสต์นิกายคาทอลิก จะสวมแหวนแสดงความรักนี้บนนิ้วนางข้างซ้าย
แหวนเพชร
เพชรถูกค้นพบครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย คุณค่าของเพชรในยุคนั้น มิใช่แค่ความงดงามจากภายนอก แต่เป็นเพราะความวิเศษแห่งอาคมขลัง ซึ่งเชื่อกันว่า สามารถป้องกันภัยจากอสรพิษ ไฟ ยาพิษ ความป่วยไข้ การโจรกรรม ตลอดจนพลังแห่งความเลวร้ายทั้งปวง
สำหรับคนไทย แหวนเพชรก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจของคู่บ่างสาวทุกคู่ เพราะเพชรหมายถึงความแข็งแกร่ง ไม่เปราะบาง ไม่พ่ายแพ้ และเป็นนิรันดร์ เพชรได้กลายเป็นสัญลักษณ์สากลแห่งรักยั่งยืน
ให้เพชรบอกความเป็นคุณ
สำหรับแหวนเพชรที่ใช้ในงานหมั้นและงานแต่งงาน ที่เป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวค่อนโลกคือ แหวนเพชรแบบเพชรเม็ดเดี่ยว (Solitaire) เพราะเพชรเม็ดเดี่ยวเหมาะกับทุกโอกาส และบ่งบอกความเป็นตัวเองได้ดีที่สุด เพชรเม็ดเดี่ยวนี้ มีด้วยกันหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบจะสามารถแสดงถึงเอกลักษณ์ของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน
• Emerald - เหลี่ยมมรกต
เหมาะสำหรับสาวที่มีความเป็นผู้นำ กล้าหาญ มั่นใจในตัวเอง มีเหตุมีผล และมีความยุติธรรม
• Pear - หยดน้ำ
เหมาะสำหรับสาวที่ร่าเริง เปิดเผย ตรงไปตรงมา ชอบเช้าสังคม เฉลียวฉลาด
• Heart - หัวใจ
เหมาะสำหรับสาวทมีนิสัยผู้หญิงสุดๆ มีความโรแมนติก อ่อนหวาน อ่อนโยน ขี้อาย ช่างคิดช่างฝัน มีความเป็นศิลปิน
• Marquise - มาคีส์
เหมาะสำหรับสาวที่เข้มแข็ง มาดมั่น มีความทะเยอทะยาน เด็ดเดี่ยวในตัวเอง พร้อมที่จะสู้เพื่อจุดมุ่งหมายของตน มีความเป็นตัวเองสูง
• Princess - สี่เหลี่ยมจัตุรัส
เหมาะสำหรับสาวที่มีความเป็นผู้นำ มีระเบียบวินัย กล้าที่จะเผชิญหน้า แก้ปัญหาอย่างเด็ดเดี่ยว
• Round - วงกลม
เหมาะสำหรับสาวที่มีอารมณ์ละเมียดละไม อบอุ่น บุคลิกไม่หวือหวา บางครั้งก็แอบหวาน
• Oval - รูปไข่
เหมาะสำหรับสาวที่มีความเป็นตัวของตัวเอง บางครั้งสมถะ ไม่ชอบทำตัวเด่น
คุณสมบัติ 4 ข้อของเพชร
กะรัต (Carat)
มาตรวัดที่ใช้สำหรับวัดน้ำหนักเพชร หนึ่งกะรัตเท่ากับ 200 มิลลิกรัม หรือ 100 จุด นอกจากราคาของเพชรจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักแล้ว ยังขึ้นอยู่กับ สีความใสบริสุทธิ์ และการเจียรไนอีกด้วย
สี (Color)
เมื่อมองด้วยตาเปล่า ผ่านสายตาของผู้ไม่เชี่ยวชาญเรื่องเพชรเลย จะมองไม่เห็นความแตกต่างของเพชรสีขาว ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ถึงจะเป็นเพชรสีขาว แต่ก็เป็นเพชรที่มีสี ซึ่งสถาบันอัญมณีแห่งอเมริกา หรือ จีไอเอ ได้แบ่งมาตรฐานของเพชรสีขาวไว้ดังนี้ คือ ตั้งแต่เกรด D (เพชรไม่มีสี หรือ Colorless ซึ่งเป็นเพชรที่มีราคาแพงที่สุด) ไปจนถึง Z เพชรสีขาว (D-J) จะเหมาะกับตัวเรือนทองคำขาว และแพลตตินั่ม ส่วนเพชรโทนขาวออกเหลือง (K-Z) เหมาะกับตัวเรือนทองคำ นอกจากนี้ยังมีเพชรหลากสีสันอีกด้วย แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเป็นแหวนแต่งงานเท่ากับเพชรสีขาว
ความใสบริสุทธิ์ (Clarity)
เพราะเพชรถือกำเนิดจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งผ่านกระบวนการความร้อนใต้ผิวโลกเป็นเวลาหลายล้านปี จึงไม่แปลกที่จะมีตำหนิ ซึ่งอาจเกิดจากสินแร่หรือรอยร้าวในเนื้อเพชรได้ สามารถดูตำหนิของเพชรได้โดยใช้แว่นขยาย ซึ่งมีอัตราขยายถึง 10 เท่า ระดับของตำหนิที่จีไอเอกำหนดเอาไว้นั้น เริ่มตั้งแต่ F (Flawless) ไม่มีตำหนิเลย เรื่อยไปจนถึง I (Included) เพชรที่มีตำหนิอยู่ตรงกลางเม็ด หรืออยู่ด้านบน มักจะทำให้เพชรหม่นมัว จึงไม่ควรเลือกซื้อ แนะนำว่าให้เลือกเพชรที่มีความใสบริสุทธิ์เม็ดเล็กๆ ซึ่งอาจราคาสูงกว่า หรือเทียบเท่าเม็ดใหญ่ที่มีรอยร้าว แต่หากอยากได้เม็ดใหญ่ ควรเลือกที่เห็นตำหนิไม่ชัดเจนนัก สามารถปกปิดได้ด้วยตัวเรือน โดยไม่มีผลต่อความงามของเพชรเม็ดนั้น
การเจียระไน (Cut)
เพชรที่ผ่านการเจียระไนโดยช่างฝีมือดี จะทำให้แสงที่ตกกระทบบนเพชรสะท้อนเข้าหากันเหมือนกระจกที่สะท้อนแสงแดด เป็นประกายระยิบระยับ โดยหลักการแล้ว เพชรเม็ดหนึ่งจะมีเหลี่ยมประมาณ 58 เหลี่ยม เพชรที่เจียรลึกหรือตื้นเกินไป จะสะท้อนแสงไม่ดีเท่าที่ควร จึงมีราคาถูกกว่าเพชรได้รูปที่เจียรมาอย่างดี
ตัวเรือนแหวนเพชร
• Prong Settings การยึดเพชรแบบหนามเตยนี้ เหมาะกับเพชรเม็ดเดี่ยว (Solitaire Diamond) ซึ่งเป็นแบบเรียบง่าย แต่คลาสสิค การใช้หนามเตยเป็นตัวยึดเกาะไว้ด้านบนของตัวเรือนนิยมกับเพชรที่มีขนาดใหญ่ เพชรทั้งเม็ดจะถูกยกสูงจากตัวเรือน
• Flush Settings'' ตัวเรือนประเภทนี้ ทำให้เพชรอยู่ในระนาบเดียวกับตัวเรือน โดยจะเห็นเฉพาะด้านบนของเพชรเท่านั้น รูปแบบเรียบง่าย ทันสมัย
• Bezel Settings ตัวเรือนประเภทนี้ เป็นการยึดเพชรแบบหุ้ม คือล้อมเพชรไว้ด้วยทองคำ โดยที่หน้าเพชรจะอยู่บนระนาบเดียวกับตัวเรือนคล้ายกับ Flush Settings แต่ Bezel Settings จะทำให้เพชรดูมีขนาดใหญ่ขึ้น และโดดเด่นมากกว่า
• Pave Settings การฝังเพชรแบบ Pave นี้เหมาะสำหรับเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ต้องการดูให้เป็นเม็ดโต เป็นการจัดให้เพชรขนาดย่อมเกาะกลุ่มกันดูระยิบระยับ คล้ายกับแสงประกายของเพชรเม็ดใหญ่
ขนาด
• นิ้วค่อนข้างสั้น แหวนเพชรที่เหมาะสมคือ รูปหยดน้ำ หรือเพชรรูปไข่ เพราะจะทำให้นิ้วดูเรียวยาวขึ้นได้
• ข้อนิ้วใหญ่ ควรเลือกแหวนเพชรทรงกลม เหลี่ยมเกสรบนตัวเรือน และมีหนามเตยบางๆ เพราะจะส่งเพชรชูเด่นขึ้นมาก ช่วยลบข้อนิ้วได้ด้วย
• นิ้วผอมเล็ก เหมาะสมกับแหวนเพชรรูปหัวใจ เพราะจะเสริมให้นิ้วดูเต็มขึ้น หรือจะเป็นแหวนเพชรเม็ดกลมเล็กๆ หลายๆ เม็ด ประดับเรียงกันก็ได้
• นิ้วอ้วนใหญ่ ควรเลือกแหวนที่มีดีไซน์สมัยใหม่ ค่อนข้างหนากับเพชรทรงเหลี่ยม หรือทรงกลมเหลี่ยมเกสร
• นิ้วเรียวยาว นิ้วประเภทนี้แทบไม่ต้องเสียเวลาเลือก เพราะสมบูรณ์แบบที่สุดกับเพชรทุกรูปทรง
Wedding Anniversary
ความรัก ความโรแมนติกใช่มีได้แค่วันแต่งงาน แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปกี่เดือน กี่ปี สิ่งเหล่านี้ยิ่งทวีความหมาย นอกจากเพชรแล้ว ยังมีอัญมณีที่มีความหมายดีๆ อีกมากมาย และนอกจากความสวยงามแล้ว ยังเสริมชะตาชีวิตในแต่ละปีที่ครบรอบได้อีกด้วย
- ปีที่ 1 ทับทิม (Ruby) เนื่องจากเป็นปีแรก ทับทิมจะเสริมให้ชีวิตคู่มั่นคงยืนยาว สมหวังในเรื่องความรัก และเสริมสร้างบารมีทำให้มีอำนาจ
- ปีที่ 2 ไพลิน (Sapphire) ช่วยเสริมให้คุณมีบุคลิกเป็นที่รักใคร่เมตตา เป็นที่ศรัทธาของผู้อื่นรวมทั้งคู่ชีวิตด้วย
- ปีที่ 3 มรกต (Emerald) เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย และร่มเย็น
- ปีที่ 4 ไข่มุก (Pearl) เสริมสร้างความสง่างาม และความบริสุทธิ์
- ปีที่ 5 เพชร (Diamond) อีกครั้งกับเพชร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความมีอำนาจเหนือผู้อื่น และความร่ำรวย
- ปีที่ 6 หยก (Jade) ช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชีวิตคุณ และชีวิตคู่
- ปีที่ 7 โอปอล (Opal) ลบอาถรรพ์เลขเจ็ดด้วยโอปอล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมหวังในทุกๆ ด้าน
- ปีที่ 8 อะความารีน (Aquamarine) ทำให้ผู้สวมใส่จิตใจสงบ เยือกเย็น สงบสุข
- ปีที่ 9 สปิเนล (Spinel) ทำให้มีอำนาจ สมหวังในเรื่องความรัก
- ปีที่ 10 ทับทิม (Ruby) ตอกย้ำความรักอีกครั้งในปีที่สิบ ด้วยทับทิม ทำให้มีอำนาจ สมหวังในเรื่องความรัก ชีวิตคู่มั่นคงยืนยาวไปมากกว่าสิบปี
- ปีที่ 11 แอเมทิสต์ (Amethyst) รักษาจิตใจให้สงบและเข้มแข็ง
- ปีที่ 12 เพอริดอต (Peridot) พลอยสีเขียวเนื้ออ่อน จะทำให้จิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ มีอำนาจ และชื่อเสียง
- ปีที่ 13 โทแพซ (Topaz) จะนำความโชคดีมาสู่เจ้าของ เป็นรักใคร่แก่ผู้พบเห็น
- ปีที่ 14 ทัวร์มาลีน (Tourmaline) นำโชคดีมาสู่เจ้าของในทุกๆ ด้าน
- ปีที่ 15 ไพลิน (Sapphire) ทำให้เป็นที่รักใคร่ เมตตา เป็นที่ศรัทธาของผู้อื่น
- ปีที่ 20 มรกต (Emerald) เข้าปีที่20 เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย ร่มเย็น อีกครั้งด้วยมรกต
- ปีที่ 25 ไข่มุก (Pearl) เสริมสร้างความสง่างาม และความบริสุทธิ์ให้อยู่กับผู้สวมใส่ตลอดไป
- ปีที่ 30 เพชร (Diamond) เพื่อความรักอันเป็นนิรันดร์....อีกครั้งกับเพชร
เข้าชม : 1573 |