ฐานการเรียนรู้ : กระท้อนสามรส
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นางทองใบ เอกฉัตร เกิดปีฉลู อายุ 71 ปี
เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย เกิดที่ บ้านอาษา ตำบลอาษา อำเภอ บ้านนา จังหวัด นครนายก
วุฒิการศึกษา ไม่จบ ป. 4
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 88 หมู่ที่ 12 ตำบล ป่าขะ อำเภอบ้านนา จังหวัด นครนายก 26110
โทรศัพท์ 0 – 3730 - 6379
ประวัติครอบครัว
บิดา นายดำ สังฆมงคล
มารดา นางเงิน สังฆมงคล
สมรส กับ นายสวัสดิ์ เอกฉัตร
มีบุตรจำนวน 3 คน ได้แก่
1. นายประวิทย์ เอกฉัตร ประกอบอาชีพทำสวน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8
2. นางพัชรี พวงญาติ ประกอบอาชีพขายหมูในตลาดบ้านนา ทำสวน
3. นายพัชรินทร์ เอกฉัตร ประกอบอาชีพ รับราชการ
ข้อมูลการประกอบอาชีพ
อาชีพดั้งเดิม ทำนา ทำสวน และเผาถ่านขาย
แรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพในปัจจุบัน
เนื่องจากอายุมากขึ้น สุขภาพไม่ดี บุตรแยกครอบครัวไปประกอบอาชีพของตนเอง และประกอบกับเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2538 ทางเกษตรอำเภอบ้านนา ได้เข้ามาส่งเสริมการปลูกกระท้อนพันธุ์ดีที่หมู่ 12 บ้านทุ่งกระโปรง โดยอดีตผู้ใหญ่บ้านนายเมี้ยน แสงทวี เล่าว่ากระท้อนพันธุ์ที่เกษตรเข้ามาส่งเสริมคือพันธุ์ทับทิมพวงจะออกผลดกมาก เวลาห่อต้องเด็ดลูกที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เพื่อจะได้ไม่แย่งอาหารกันลูกที่เหลือก็จะโตเต็มที่ กระท้อนถ้าห่อแล้วจะทำให้ผิวสวย เนื้อนุ่ม แมลงไม่เจาะอยู่ได้นาน ซึ่งเมื่อก่อนกระท้อนป่าไม่ได้ห่อพอเหลืองก็จะร่วงทิ้ง ต่อมาได้นำกระท้อนพันธุ์ปุยฝ้ายอีล่า ซึ่งมีผลใหญ่ น้ำหนักต่อลูก ประมาณ 500 - 800 กรัม ถึง 1 กิโลกรัม ซึ่งรสชาดดีเนื้อนุ่มเป็นที่นิยมปลูกกันแทบทุกครัวเรือน และนางทองใบ เอกฉัตร เล่าว่า “ป้าปลูกกระท้อนพันธุ์ดีตามที่เกษตรอำเภอมาส่งเสริมแทนอาชีพเดิม จนกระทั้งได้ผลผลิตจนเหลือกิน และนำไปขาย บางปีผลผลิตมีปริมาณมากทำให้ราคากระท้อนถูกจึงคิดลองทำการแปรรูป เพื่อเก็บไว้กินนานๆ โดยลองนำสูตรโบราณมาใช้ โดยการปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นตามขวางของลูกแล้วคลุกเกลือ น้ำตาล และนำมาตากแดดให้แห้ง มีรสหวาน เปรี้ยว เค็ม ที่แรกทำกินกันในครัวเรือนและแจกกันกินในละแวกเพื่อนบ้าน”ต่อมานางจิราพร เอกฉัตร (ลูกสะใภ้) ได้ไปอบรมการทำกระท้อนสามรสที่มหาวิทยาลัยเกษตร และได้นำความรู้มาถ่ายทอดให้ป้าทองใบได้พัฒนาปรับปรุงการทำกระท้อนสามรส ให้มีรสชาติดีขึ้น จึงยึดเป็นอาชีพและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในหมู่บ้าน
ความถนัดและความภาคภูมิใจ
ได้ทำการแปรรูปกระท้อนสามรส เริ่มจากการคิดค้นเพื่อถนอมอาหารไว้กินในครัวเรือนและแบ่งปันในกลุ่มเครือญาติตามวิถีชีวิตของชุมชนดั่งเดิมมาสู่การแปรรูปผลไม้ ปรุงแต่ง กลิ่น สี รสชาติ ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ทำเป็นอาชีพจนเป็นที่รู้จักของคนในชุมชนและมีชื่อเสียงเป็น สินค้า 3 ดาวตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ถือปฏิบัติหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ป้าทองใบถือปฏิบัติในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่ทำให้ป้ามีความสุขและมีรายได้เลี้ยงชีพ โดยมีแนวปฏิบัติดังนี้ความพอประมาณ มีความพอดีในการประกอบอาชีพไม่มากไม่น้อยเกินไป ทำตามกำลังของตนเองความมีเหตุมีผล โดยการพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และผลที่จะเกิดขึ้นตามมา เช่น การทำกระท้อนสามรสมีภูมิคุ้มกัน ป้าทองใบเป็นคนดี มีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต มีเหตุมีผลหลักคุณธรรม 8 ประการที่ยึดถือปฏิบัติ
ขยัน ช่วยเหลือบิดามารดาทำนา ทำสวน และเผาถ่านขาย ตั้งแต่เยาวัย ประหยัดโดยนำผลผลิตที่มีอยู่มาแปรรูปไว้บริโภคและจำหน่าย เช่น มะม่วงกวน กระท้อนตากแห้ง รู้จักนำวัตถุดิบที่มีอยู่ในสวนมาใช้ประโยชน์ เช่น เก็บฟืนมาใช้ในครัวเรือนความซื่อสัตย์ ในด้านคุณธรรม เช่น การคัดเลือกกระท้อนพันธุ์ดีมาแปรรูป การชั่งน้ำหนักในการจำหน่าย มีความเที่ยงตรงความมีวินัย ป้าทองใบมีวินัยในการประกอบอาชีพ แบ่งเวลาการทำงาน การพักผ่อนการทำบุญ และการมีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างสม่ำเสมอ ความสุภาพ ป้าทองใบสุภาพอ่อนน้อม พูดจาไพเราะ ตรงไปตรงมาความสะอาด ป้าทองใบเป็นคนมีระเบียบ รักความสะอาด เช่น วัสดุอุปกรณ์ และการบรรจุ ภัณฑ์ต้องสะอาดความสามัคคี ป้าทองใบเป็นผู้อบรมสั่งสอนบุตรหลานให้มีความรักใคร่สามัคคีช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นทีเคารพนับถือของคนในชุมชนความมีน้ำใจ ป้าทองใบ เป็นผู้มีอัธยาศัยโอบอ้อมอารีมีน้ำใจต่อผู้พบเห็น เช่น ให้การต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส
คุณจิราภรณ์ เอกฉัตร สอนการทำกระท้อนสามรส
เนื้อหาหลักสูตรตามการถ่ายทอดของภูมิปัญญา
1. ขั้นเตรียมความพร้อมสู่การแปรรูปผลไม้ “ กระท้อนสามรส “
1.1 กระท้อนพันธุ์ดี
1.2 ชามสแตนเลส
1.3 มีดสแตนเลส
1.4 น้ำสะอาด
1.5 ภาชนะบรรจุพร้อมฝาปิด
1.6 ตาข่ายในล่อน
1.7 ที่สำหรับตาก
1.8 ถาดสแตนเลสสำหรับใส่กระท้อนตากแดด
2. ขั้นตอนการทำ
1. นำกระท้อนสุกมาปลอกเปลือกและนำเม็ดออก
2. ฝานเป็นชิ้นตามขวางของผลกระท้อน
3. นำกระท้อนที่ฝานเป็นชิ้น แช่น้ำเกลือทิ้งไว้ 1 คืน ในอัตราส่วนน้ำสะอาด 7 ลิตร ต่อเกลือ 1 – 2 กิโลกรัม
4. นำกระท้อนที่แช่เกลือค้างคืนมาล้างน้ำให้สะอาด 1 – 2 ครั้ง ใส่ตะแกรงพักทิ้งไว้ให้น้ำสะเด็ดจนหมด
5. นำกระท้อนใส่ชามสแตนเลส คลุกด้วยน้ำตาลทรายขาว
6. นำใส่ถาดตากแดดจัดๆ ประมาณ 4 – 5 แดด
7. เมือแห้งเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท
สูตรดั้งเดิม
2.1 นำกระท้อนสุกมาปอกเปลือกและนำเมล็ดออก
2.2 ฝานให้เป็นชิ้นตามลูก
2.3 นำมาคลุกกับเกลือ
2.4 คลุกน้ำตาลทรายขาว
2.5 นำออกตากแดดให้แห้ง
หมายเหตุ รสชาดตามความต้องการ
สูตรปัจจุบัน / ส่วนผสม
กระท้อนฝานแล้วบีบน้ำให้หมาด 10 กิโลกรัม
น้ำตาลทรายขาว 8 กิโลกรัม
เกลือป่น 1 กิโลกรัม
1. นำกระท้อน น้ำตาลทราย เกลือป่นคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. นำไปตากแดดในภาชนะที่เตรียมไว้
หมายเหตุ สูตรนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
ปัญหาอุปสรรค
แมลงวัน สภาพภูมิอากาศ เช่น ฝนตก ไม่มีแดด
แนวทางแก้ไข
กรณีทำแล้วไม่มีแดดให้บรรจุถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่นแล้ว แช่ถังเย็น
3. ประโยชน์จากกระท้อน
3.1 กระท้อนอุดมไปด้วยวิตามิน ซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
3.2 ความฝาดของกระท้อน ช่วยสมานแผล แก้ท้องเดิน กระตุ้นการทำงานของลำไส้
3.3 ลำต้น นำมาทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น ไม้ปูพื้นบ้าน ฝาบ้าน โต๊ะ ตู้ เตียง ฯ ลฯ
3.4 เนื้อกระท้อน
- นำมาปรุงอาหารคาว ได้แก่ แกงกะทิ ต้มข่าทะเล ตำกระท้อน
- นำมาทำของหวาน ได้แก่ กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนสามรส เมี่ยงกระท้อน
4. การจำหน่าย
-บรรจุใส่ถุงพลาสติก ขนาด 1 กิโลกรัม และ ½ กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 100 บาท มีจำหน่ายขายปลีกและส่ง เพื่อเป็นของฝาก
5. กระบวนการเรียนรู้
5.1 เรียนรู้จากการถ่ายทอดของภูมิปัญญา
5.2 เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้จริง
5.3 เรียนรู้แบบบูรณาการจากข้อ 1 - 3
เปิดโอกาสให้ผู้สนใจศึกษาดูงาน
บรรจุภัณฑ์กระท้อนสามรส
บรรจุใส่ถุงธรรมดาก็ขายได้
ขั้นตอนการผลิตสะอาด และปลอดภัย
กระท้อนสามรสที่ดี มีคุณภาพ ทั้งรสชาดความอร่อย ต้องใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เท่านั้น
เข้าชม : 18137 |